ศักยภาพของโรงพยาบาล
ในปี พ.ศ. 2540 เป็นต้นมา จากผลของการปรับเปลี่ยนนโยบายการสาธารณสุขของประเทศ ที่เรียกว่าโครงการ 30 บาทรักษาทุกโรค ทำให้พฤติกรรมการสาธารณสุขของประชากรไทยเปลี่ยนไปจาก ยาขอหมอวาน มาเป็น ยาขอหมอต้องรับใช้ แพทย์จึงมีภาระงานมากขึ้นมาก ทำให้มีแพทย์ทยอยลาออกจากราชการและมีแนวโน้มว่าจะรุนแรงขึ้น การขาดแคลนแพทย์เกิดขึ้นอย่างรุนแรงโดยเฉพาะแพทย์ในหลายสาขารัฐบาลได้ตระหนักถึงปัญหาดังกล่าวได้พยายามแก้ปัญหาและวิธีหนึ่งที่ดำเนินการขึ้นมา คือการให้เงินสนับสนุนกับแพทย์ เพื่อเป็นแรงจูงใจในการที่จะหยุดยั้งการลาออกของแพทย์ ได้มีการตั้งศูนย์การรักษาโรคที่เป็นปัญหาทางสาธารณสุขที่สำคัญของประเทศไทยคือ ศูนย์อุบัติเหตุ ศูนย์โรคหัวใจและศูนย์รักษาโรคมะเร็ง ในโรงพยาบาลตติยภูมิ ดังเอกสารของสปสช. (สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ) ที่ สปสช. 11/4741 โรงพยาบาลภูมิพลอดุลยเดช ซึ่งได้ผ่านการรับรองคุณภาพจากสถาบันพัฒนาและรับรองคุณภาพ (พรพ.) ในปี 2545 มีความพร้อมในการที่จะดำเนินการเป็นศูนย์การรักษาตติยภูมิ จึงได้จัดตั้งศูนย์อุบัติเหตุ ศูนย์โรคหัวใจ และในวันที่ 18 พฤษภาคม 2547 ศูนย์โรคมะเร็งได้จัดตั้งขึ้นเพื่อตอบสนองภารกิจของ สปสช. ได้อย่างรวดเร็วโดยการปรับเปลี่ยนหน่วยงานที่ดูแลภารกิจดังกล่าวที่มีอยู่แล้ว คือ คณะอนุกรรมการมะเร็งโรงพยาบาลภูมิพลอดุลยเดช มีสถานที่ๆ ก่อกำเนิดศูนย์มะเร็งที่ห้องประชุมรังสีรักษา ภายใต้การอำนวยการของ นาวาอากาศเอก วิศิษฐ ดุสิตนานนท์ (ยศ ขณะนั้น) รองผู้อำนวยการโรงพยาบาล เป็นผู้ดูแล ได้แต่งตั้ง นาวาอากาศเอก วีระ สุรเศรณีวงศ์ (ยศ ขณะนั้น) เป็นผู้อำนวยการศูนย์มะเร็งโรงพยาบาลภูมิพลอดุลยเดช
คณะกรรมการดำเนินงานของศูนย์มะเร็ง ชุดแรก ประกอบด้วย นาวาอากาศเอก วีระ สุรเศรณีวงศ์ (ยศ ขณะนั้น) เป็นผู้อำนวยการศูนย์ นาวาอากาศเอก เกษม วิจัยธรรม เป็นรองผู้อำนวยการศูนย์ นาวาอากาศเอก เกษม วิจัยธรรม เป็นรองผู้อำนวยการศูนย์ นาวาอากาศ เกษม จงศิริวัฒน์ เป็นเลขาธิการ และนาวาอากาศเอกหญิง ศันสนีย์ เอกเผ่าพันธุ์ เป็นเหรัญญิก และผู้อำนวยการกองต่าง ๆ เป็นกรรมการ ในเบื้องต้นมีเจ้าหน้าที่ประจำเป็นพยาบาล เพียง 3 ท่านคือ นาวาอากาศตรีหญิง นฤมล อินทรเสน นาวาอากาศตรีหญิง แว่นทิพย์ สำราญใจ และนาวาอากาศตรีหญิง สกุลพร สมจิตรมูล
คณะกรรมการศูนย์มะเร็งแตกต่างจากคณะอนุกรรมการมะเร็งที่แต่งตั้งในอดีต เนื่องจากต้องทำหน้าที่บริหารจัดการหน่วยงานที่ดูแลมะเร็งของโรงพยาบาลทั้งหมดอย่างเป็นองค์กร ต่างจากในอดีตที่แต่ละหน่วยงานดูแลรักษาเฉพาะในสายงานของตัวเอง ศูนย์มะเร็งทำหน้าที่บริหารจัดการดูแลการรักษาในทุกมิติ ให้การดูแลรักษามะเร็งทุกระบบเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ มาตรฐานใช้ทรัพยากรอยางเหมาะสม ศูนย์มะเร็งโรงพยาบาลภูมิพลอดุลยเดช มีกิจกรรม 2 ลักษณะ ทั้งการบริหารและการบริการ
การบริหาร ศูนย์มะเร็งมีหน้าที่จัดการให้แต่ละหน่วยงานที่ดูแลมะเร็ง ทั้งทางตรงและทางอ้อม ได้ให้ความเห็น วางแนวทางการดูแลรักษา การแก้ปัญหา และการตัดสินปัญหาร่วมกันอยางใกล้ชิด เป็นระบบ โดยผ่าน tumor board
ศูนย์มีหน้าที่ในการบริหารการเงิน ซึ่งเป็นภาระใหม่ เนื่องจากสปสช. ได้ให้เงินสนับสนุนแก่แพทย์ผู้ดูแลรักษาโรคมะเร็งเพื่อเป็นการจูงใจแก่แพทย์ ในปีพ.ศ. 2548 สปสช. ได้ให้เงินสนับสนุนแก่ศูนย์ต่าง ๆ ศูนย์มะเร็งโรงพยาบาลภูมิพลอดุลยเดช ได้รับ 1,066,700.00 บาท ซึ่งได้พิจารณาแล้วเห็นว่า เงินดังกล่าวควรที่ผู้ปฏิบัติงานอื่น ๆ ที่ไม่ใช่แพทย์ เช่น พยาบาล เภสัชกร เจ้าหน้าที่ฟิสิกส์ ที่ดูแลการฉายรังสี ฯลฯ เป็นต้น ควรที่จะได้มีส่วนในการได้รับผลตอบแทนดังกล่าวนี้ด้วย จึงได้เสนอไปยัง สปสช. พร้อมรูปแบบการกระจายจ่ายแจกด้วยหลักการที่ว่า จ่ายตรงส่งถึงผู้ที่ดูแลผู้ป่วยทุกส่วน และสร้างความเป็นธรรมกับการบริหารการเงินอย่างดียิ่ง จนเป็นแบบอย่างให้กับศุนย์มะเร็งต่าง ๆ และในที่สุด สปสช. ก็ได้นำหลักดังกล่าวไปเป็นระเบียบการบริหารการเงินแก่ศูนย์มะเร็งแห่งอื่นด้วย
การบริการ ศูนย์มะเร็งได้ให้บริการเคมีบำบัดแบบไม่ต้องพักค้างในโรงพยาบาล (Day care chemotherapy หรือambulatory chemotherapy) ขึ้นที่ หอผู้ป่วย 10/2 ซึ่งทางศูนย์มะเร็งได้รับมอบหมายให้เป็นที่ทำการ จากเดิมที่ต้องอาศัยห้องประชุมของอาคารรังสีรักษาอยู่ 2 ปี เพื่อให้การบริหารยาเคมีบำบัดเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัยสูงสุดต่อผู้ป่วย ทางศูนย์มะเร็งได้รวมศูนย์การผสมยาเคมีบำบัดไว้ในที่ดียวกันภายในศูนย์มะเร็ง จากในอดีตที่จะผสมยากันในแต่ละหอผู้ป่วย รวมทั้งที่แผนกรังสีรักษาภายใต้เภสัชกรผู้บุกเบิกการบริหารดำเนินงาน นาวาอากาศเอกหญิงศิริพร สงวนประสาทพร ผู้อำนวยการกองเภสัชกรรม ทำให้การบริหารยาเคมีบำบัดรวมศูนย์เกิดขึ้นที่ชั้น 10/2 และมีความปลอดภัยทั้งต่อผู้ป่วย ผู้ปฏิบัติงานและสภาพแวดล้อม และที่ไม่อาจจะเว้น กล่าวถึงคือการประหยัดค่ายาและเวชบริภัณฑ์อย่างมาก ด้วยภาระงานที่มากขึ้นในการเป็นศูนย์ตติยภูมิรักษาดูแลโรคมะเร็ง ศูนย์มะเร็งจัดทำกิจกรรม Tumor board เป็นการประชุมทึ่จัดขึ้นทุกวันพฤหัสบดี โดยเชิญผู้เกี่ยวข้องทุกสาขามาร่วมประชุมโดยทางศูนย์ได้อำนวยความสะดวกในเรื่องอาหาร สถานที่และเบี้ยประชุม
Tumor board เป็นจุดเด่นของศูนย์มะเร็งโรงพยาบาลภูมิพลอดุลยเดช คณะกรรมการบริหารศูนย์มะเร็งได้จัดตั้ง Tumor board เพื่อที่จะเป็นแหล่งรวมผู้ชำนาญการรักษามะเร็งในทุกสาขา เพื่อจะเป็นองค์กรที่จะช่วยในการวางแผนการรักษาโรคมะเร็ง และเป็นเวทีที่จะให้คำปรึกษาหารือ การรักษาโรคมะเร็ง และเป็นที่ ๆ จะขอการปรึกษา การรักษาผู้ป่วยได้อย่างประสิทธิภาพ และรวดเร็วเนื่องจากมีการประชุมทุกสัปดาห์ ในวันพฤหัสบดี เป็นกิจกรรมที่ทำให้งานการรักษาดูแลมะเร็งของโรงพยาบาลก้าวรุดหน้าไปอย่างรวดเร็ว ผู้ป่วยมะเร็งได้รับการวางแผน การรักษาที่กระชับการแก้ปัญหาที่รวดเร็ว จากที่ต้องใช้เวลาเป็นวัน ๆ ก็เป็นภายใน 24 ชั่วโมง นอกจากนั้นยังเป็นที่ ๆ ให้การเยนการสอนอย่างดีกับแพทย์ประจำบ้านและนักศึกษาแพทย์ที่จะมาฟังมาดูการแก้ปัญหา และเนื้อหาวิชาการมะเร็งได้ที่ Tumor board เพราะมีผู้เชี่ยวชาญแทบทุกสาขามาประชุมร่วมกัน ได้รับคำชมจากหน่วยงานอื่น ๆ และเป็นสถานที่ศึกษาดูงานของหน่วยงานภายนอกตลอดมา
ในวันที่ 12 พฤษภาคม พ.ศ. 2548 หรือ 1 ปีหลังจากก่อตั้งศูนยมะเร็ง ผู้บริหารศูนย์ได้ริเริ่มกิจกรรมกลุ่มช่วยเหลือตนเองในผู้ป่วยมะเร็ง ผู้บริหารศูนย์ได้ริเริมกิจกรรมกลุ่มช่วยเหลือตนเองในผู้ป่วยมะเร็ง หรือที่เรียก self help group เป็นการชักนำให้ชุมชนมีส่วนร่วมในการดูแลรักษาผู้ป่วยมะเร็ง และเพื่อเป็นการแก้ปัญหาการขาดแคลนบุคลากรในการที่จะช่วยดูแลผู้ป่วยด้านคุณภาพชีวิตและจิตวิญญาณ การดำเนินกิจกรรม ก้าวรุดหน้าไปด้วยดี และเป็นประโยชน์อยางมากต่อการรักษาผู้ป่วยมะเร็ง เป็นที่สนใจและสนับสนุนของ สปสช. นำไปพัฒนาปรับปรุงดัดแปลง เป็นแผนปฏิบัติของศูนย์มะเร็งอื่น ๆ และปรับปรุงพัฒนาเป็นหน่วยงานมิตรภาพบำบัดที่กำลังก้าวหน้าไปอย่างเป็นระบบ ซึ่งในอนาคตชุมชนจะเข้ามามีส่วนอย่างสำคัญในการดูแลผู้ป่วยมะเร็งทั้ง ปฐมภูมิ ทุติยภูมิ และตติยภูมิ อันจะเป็นการแบ่งเบาภาระของโรงพยาบาลได้อย่างมาก เนื่องจากชุมชนและหน่วยงานของรัฐเข้าใจกันและช่วยจุนเจือซึ่งกันและกัน
ศูนย์มะเร็งได้ปฏิบัติงานก้าวหน้าไปได้ดียิ่ง มีผลงานทั้งทางวิชาการและทางบริการ ออกมามากมาย สปสช. ได้ตระหนักในการดำเนินงานของศูนย์มะเร็งโรงพยาบาลภูมิพลอดุลยเดช จึงได้เพิ่มเงินสนับสนุนแก่ศูนย์ในปีต่อมาอีกประมาณเท่าตัว ขณะเดียวกันผู้บริหารโรงพยาบาลก็ได้ให้พื้นที่แก่ศูนย์มะเร็งที่ชั้น 10/2 และได้ปรับแต่งสถานที่ให้มีความสะดวกทันสมัยและสวยงาม
ในวันที่ 2 กุมภาพันธุ์ พ.ศ. 2549 ศูนย์มะเร็งโรงพยาบาลได้เปลี่ยนผู้บริหาร เนื่องจาก พลอากาศตรี วีระ สุรเศรณีวงศ์ ได้ย้ายโดยไปถวายงาน ปฏิบัติหน้าที่นายแพทย์ราชสำนักประจำพระองค์สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯสยามมกุฏราชกุมาร และมีการปรับโครงสร้างเพื่อตอบรับกับภาระงานที่เพิ่มและสลับซับซ้อนมากขึ้นโดยมี พลอากาศตรี การุณ เก่งสกุล เป็นประธานกรรมการศูนย์ฯ และนาวาอากาศเอก เกษม วิจัยธรรม เป็นหัวหน้าศูนย์ฯ กิจการของศูนย์ก้าวรุดหน้า ปริมาณงานและผู้ที่มาดูงานที่เพิ่มมากขึ้น นับว่าทำให้ศูนย์มะเร็งเป็นห่วยงานที่ น่าภาคภูมิใจของโรงพยาบาลและเจ้าหน้าที่ของศูนย์
จากการเติบโตของปริมาณงานและกิจกรรมของศูนย์มะเร็งทำให้กรมแพทย์ทหารอากาศโดยเจ้ากรมแพทย์ พลอากาศโท อภิชาติ โกยสุขโข และผู้อำนวยการโรงพยาบาล พลอากาศตรี ศรีชัย ชัยพฤกษ์ ได้ร่วมกันทำแผนก่อสร้างอาคารศูนย์มะเร็ง โรงพยาบาลภูมิพลอดุลยเดช เพื่อเป็นการตอบรับต่อการเจริญเติบโตของภารกิจของศูนย์มะเร็ง บริเวณตึกโคบอลล์หรืออาคารรังสีรักษาเดิม เป็นอาคาร 5 ชั้น ในเบื้องต้นจะดำเนินการก่อสร้างในปีพ.ศ. 2553
ศักยภาพในด้านการรักษาพยาบาลโรคมะเร็ง มีหน่วยรักษาพยาบาล และแพทย์ครบทุกสาขาที่จำเป็นในการรักษาผู้ป่วยมะเร็ง เช่น รังสีรักษา รังสีวินิจฉัย เวชศาสตร์นิวเคลียร์ พยาธิแพทย์ ศัลยแพทย์สาขาค่าง ๆ อายุรแพทย์โรคมะเร็งและโรคเลือด และเนื่องจากโรคมะเร็งเป็นโรคที่ซับซ้อน จึงต้องมีความพร้อมของแพทย์สาขาอื่น ๆ ที่จำเป็นเพื่อรองรับผู้ป่วยกลุ่มนี้ ได้แก่ อายุรแพทย์โรคไต โรคหัวใจ และโรคติดเชื้อ
คุณภาพการรักษาพยาบาล โรงพยาบาลได้รับการรับรองคุณภาพจากสถาบันพัฒนาและรับรองคุณภาพโรงพยาบาล ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2545 จนถึงปัจจุบ้น
ความพร้อมของอุปกรณ์และเครื่องมือที่จำเป็นต่างๆ
o การตรวจมะเร็งระยะเริ่มแรก เช่น เครื่องตรวจเอกซเรย์เต้านม (Mammogram) , เครื่องอัลตร้าซาวน์ ,
เครื่องเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ , ห้องปฏิบัติการทางพยาธิวิทยา
o เครื่องฉายแสง (Linear Accelerator) , ระบบวางแผนการรักษา (Planning System) ,
เครื่องเอกซเรย์ระบบหลอดเลือด ซึ่งสามารถให้การรักษาแบบรังสีร่วมรักษา (Interventional Radiology)
o ห้องผสมยาเคมีบำบัดที่ได้มาตรฐาน ทำให้สามารถให้บริการได้ผู้ป่วยได้ครบวงจรอย่างรวดเร็ว
การพัฒนาบุคลากร
มีการพัฒนาบุคลากรทุกสาขาทั้งแพทย์ พยาบาล และบุคลากรที่เกี่ยวข้อง เพื่อรองรับการให้บริการผู้ป่วยมะเร็ง เช่น การจัดตั้งทีมดูแลผู้ป่วยมะเร็ง ซึ่งประกอบด้วย แพทย์ทุกสาขาที่เกี่ยวข้อง เพื่อดูแลผู้ป่วยมะเร็งร่วมกัน , จัดตั้งทีมดูแลผู้ป่วยระยะสุดท้าย , มีการพัฒนาองค์ความรู้ เช่น การฝึกอบรมทั้งในและต่างประเทศ
ผลงานที่ผ่านมา สามารถให้บริการผู้ป่วยมะเร็งรายใหม่เพิ่มขึ้นทุกปี (สถิติผู้ป่วยมะเร็งรายใหม่ปี 49 )
ผู้ป่วยโรคมะเร็งรายใหม่ 899 คน
ให้บริการรักษาผู้ป่วยแบบผู้ป่วยนอก 11,672 ครั้ง
ให้บริการรักษาผู้ป่วยแบบผู้ป่วยใน 2,762 ครั้ง
กิจกรรมการรักษา
เคมีบำบัด 4,008 ครั้ง
รังสีรักษา 4,843 ครั้ง
การผ่าตัดและอื่นๆ
แผนการพัฒนา เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการรักษาพยาบาลผู้ป่วยมะเร็งให้ได้รับการตรวจวินิจฉัยและเข้าถึงการรักษาที่มีประสิทธิภาพได้อย่างรวดเร็ว ป้องกันไม่ให้เกิดการลุกลามของโรค เช่น เพิ่มห้องผสมยาเคมีบำบัดที่มีมาตรฐาน ,จัดหน่วยให้ยาเคมีบำบัดแบบผู้ป่วยนอก (Ambulatory Care) , พัฒนาหน่วยรังสีรักษา พร้อมอุปกรณ์เครื่องมือที่ทันสมัย รองรับภารกิจที่เพิ่มขึ้น เพื่อให้ผู้ป่วยเข้าถึงการรักษาได้อย่างรวดเร็ว จึงจำเป็นต้องมีแผนพัฒนาสถานที่และอุปกรณ์ให้เพียงพอและทันสมัย นอกจากนี้ยังต้องมีการพัฒนาบุคลากรควบคู่กันไป
14/08/52