สถาปนากรมแพทย์ทหารอากาศ
พ.ศ. 2484 ผู้บัญชาการทหารอากาศได้ขอพระราชทานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ จากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล (รัชกาลที่ 8) เป็นจำนวนเงิน 30,000.00 บาท เพื่อก่อสร้างสถานที่ตรวจรักษาพยาบาลและการแพทย์ของกองทัพอากาศใหม่ แต่ยังไม่ทันลงมือก่อสร้าง สงครามมหาเอเชียบูรพาก็อุบัติขึ้นในปลายปีนั้น ในระหว่างสงครามมหาเอเชียบูรพา เจ้าหน้าที่แพทย์และพยาบาลของกองทัพอากาศผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนออกปฏิบัติหน้าที่ในหน่วยเสนารักษ์สนามของฝูงบินและกองบินต่าง ๆ
20 พฤศจิกายน 2486 กองเสนารักษ์ทหารอากาศได้เคลื่อนย้ายออกจากที่ตั้งดอนเมืองเป็นครั้งแรก เนื่องจากภัยสงคราม ไปตั้งที่ทำการชั่วคราวที่บริเวณชายป่า กองบินน้อยที่ 4 โคกกระเทียม จังหวัดลพบุรี
28 เมษายน 2488 บริเวณกองบินน้อยที่ 4 ถูกโจมตีทางอากาศบ่อยครั้ง และสถานที่ทำการของกองเสนารักษ์ทหารอากาศก็ถูกโจมตี ทำให้อาคารผู้ป่วย 2-3 หลังถูกไฟไหม้เครื่องมือเครื่องใช้เสียหาย จึงย้ายที่ตั้งไปอยู่ที่วัดโพธิ์งาม จังหวัดลพบุรี
20 กรกฎาคม 2488 เมื่อภัยจากการโจมตีทางอากาศเบาบางลง กองเสนารักษ์ทหารอากาศจึงเคลื่อนย้ายจากวัดโพธิ์งามโดยทางเรือ ลงมาตั้งอยู่ที่วัดตลาดใต้ จังหวัดปทุมธานี โดยอาศัยศาลาการเปรียญเป็นที่ทำการและที่พักผู้ป่วย อาศัยโบสถ์เป็นคลังเก็บยาและเวชภัณฑ์ เนื่องจากวัดค่อนข้างคับแคบ จึงได้ก่อสร้างที่พักทหารเจ็บป่วยชั่วคราว 1 หลัง แต่การก่อสร้างยังไม่เสร็จเรียบร้อยสงครามยุติลงก่อน
16 สิงหาคม พ.ศ. 2488 สงครามมหาเอเชียบูรพายุติลงกองเสนารักษ์ทหารอากาศจึงได้รับคำสั่งให้ย้ายกลับที่ตั้งปกติ บริเวณดอนเมือง 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2488 จึงเคลื่อนย้ายกองเสนารักษ์ทหารอากาศเข้ามาตั้งอยู่ที่อาคารใหม่ทางตะวันตกสุดด้านใต้ของสนามบิน ซึ่งเดิมเป็นที่ทำการของโรงเรียนการบิน เมื่อกองเสนารักษ์ทหารอากาศเข้าที่ตั้งบริเวณดอนเมืองยังไม่เรียบร้อยดี นายแพทย์ ทันตแพทย์ เภสัชกร และพยาบาลหลายนายได้ขอลาออกจากราชการคงเหลือนายแพทย์เพียง 4 นาย คือ นาวาอากาศเอก หลวงวีรเวชพิสัย นาวาอากาศตรี ทิพย์ นาถสุภา เรืออากาศเอก สดับ ธีระบุตร เรืออากาศเอก ระวิง สมบูรณวนิชย์ มีทันตแพทย์ 1 นาย คือ เรืออากาศโท สวัตถิ์ ภูมิจิตร และเภสัชกร 1 นาย คือ เรืออากาศเอก เรียง ลุมพิกานนท์ กับนายทหารพยาบาลอีก 2 - 3 นาย
ส่วนหมวดเสนารักษ์ตามกองบินน้อยต่าง ๆ ยังคงเหลือแพทย์ประจำอยู่คือ นาวาอากาศตรี ชม ชูเวช เรืออากาศเอก ประหยัด กาญจนวิโรจน์ และ เรืออากาศตรี เทอญ สุขะเนนย์
นาวาอากาศเอก หลวงวีรเวชพิสัย รีบเร่งปรับปรุงกิจการแพทย์ทหารอากาศให้ดียิ่งขึ้นโดยวางแผนก่อสร้างอาคารสถานที่บนพื้นที่นาซึ่งได้ซื้อไว้ตั้งแต่ พ.ศ. 2484 ด้วยเงินพระราชทานฯ
 เรืออากาศเอก สดับ ธีระบุตร เรืออากาศเอก ระวิง สมบูรณวนิชย์ นาวาอากาศเอก หลวงวีรเวชพิสัย
 นาวาอากาศตรี ทิพย์ นาถสุภา เรืออากาศเอก ประหยัด กาญจนวิโรจน์ เรืออากาศเอก เทอญ สุขะเนนย์
1 กันยายน พ.ศ. 2490 อาคารตรวจโรค (อาคาร 1) ได้เริ่มก่อสร้างและแล้วเสร็จเมื่อ 19 เมษายน 2491 เป็นเงินค่าก่อสร้าง 910,000.00 บาท แต่ยังไม่มีอาคารผู้ป่วยจึงไม่สามารถย้ายเข้าไปปฏิบัติงานได้ จนกระทั่ง 1 กันยายน 2491 จึงได้ก่อสร้างอาคารผู้ป่วยอีก 2 หลัง คือ อาคาร 4 และอาคาร 11
9 พฤศจิกายน 2491 กองทัพอากาศได้ปรับปรุงกิจการของส่วนราชการใหม่ กองเสนารักษ์ทหารอากาศจึงได้ปรับปรุงและเลื่อนฐานะเป็น "กรมแพทย์ทหารอากาศ" มีนายแพทย์ใหญ่ทหารอากาศเป็นผู้บังคับบัญชาและรับผิดชอบ ได้แบ่งส่วนราชการออกเป็น 6 ส่วน ได้แก่ กองบังคับการ แผนกที่ 1 แผนกที่ 2 แผนกที่ 3 แผนกที่ 4 และ "โรงพยาบาลทหารอากาศ"
1 มกราคม 2492 ทางราชการได้เลื่อนตำแหน่ง นาวาอากาศเอก หลวงวีรเวชพิสัย เป็นที่ปรึกษาเทคนิคการแพทย์ กรมเสนาธิการทหารอากาศ พร้อมทั้งให้พันเอก เจือ ปุญโสนี ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะวิชา กรมแพทย์ทหารบกและรักษาราชการหัวหน้า แผนกที่ 1 ย้ายมาดำรงตำแหน่งนายแพทย์ใหญ่ ทหารอากาศ และได้รับพระราชทานยศเป็น พลอากาศตรีเรือ ปุญโสนี โดยมี นาวาอากาศโท ทิพย์นาถสุภา เป็นผู้อำนวยการโรงพยาบาลทหารอากาศเป็นคนแรก
|